วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

📒กลอนสุภาพ "รอจันทร์"📒


"รอจันทร์"

จันทร์กลางหาว พราวพร่าง กระจ่างฟ้า
สายธารา คราพบ ประสบส่อง
เงาจันทร์เรือง เหลืองผุด ประดุจทอง
ราตรีมอง ส่องแข คล้ายแลนวล

ไม้ริมฝั่ง ยังฝืน คอยยืนต้น
รอจันทร์หล่น ทนอยู่ มิรู้หวน
เปรียบรักพี่ นี้แน่ มิแปรปรวน
เฝ้ารอนวล ครวญคำ ทุกค่ำคืน

พิรุณกลางราตรี

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2562

💡โคลงสี่สุภาพ "วัดผาตากเสื้อ"💡



"วัดผาตากเสื้อ" (อ. สังคม จ. หนองคาย)

ขอบวัดผาตากเสื้อ       หนองคาย
แลแม่โขงเป็นสาย        แผ่กว้าง
ลอยปุยเมฆประปราย   นวลผ่อง
ธรรมชาติสรรค์สร้าง    ถิ่นแคว้น แดนสรวง   

พิรุณกลางราตรี

ขอขอบคุณ ชมรมภาพถ่ายทั่วทุกมุมโลก

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

📙กลอนหก "บุพผาในวารี"📙


"บุพผาในวารี"

ปริ่มน้ำต้องละอองฝอย
บุพผาลอยคอยเมียงมอง
กลีบขาวเรืองเหลืองกลางผ่อง
ลอยละล่องส่องไสว

เริงลีลาบุพผชาติ
ห้ากลีบวาดผาดละมัย
ยะยั่วตาทาทาบใจ
หมู่ดอกไม้ในวารี

พิรุณกลางราตรี

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

💡โคลงสี่สุภาพ โลกธรรม ๘💡


"โลกธรรม ๘"

มีลาภเสื่อมลาภได้             คู่กัน
มียศเสื่อมยศมัน                แค่นี้
สุขทุกข์เปลี่ยนแปรผัน      เห็นอยู่
สรรเสริญนินทาชี้              แก่นแท้ โลกธรรม

พิรุณกลางราตรี

💡โคลงสี่สุภาพ จันทร์เสี้ยว💡



"จันทร์เสี้ยว"

จันทร์ยังมีแหว่งเว้า       บางครา
แลสลับเต็มดวงมา        ย่อมได้
ชีวิตตกชะตา                ดีแย่
ผู้มากปัญญาไซร้          จึ่งรู้ สัจธรรม

พิรุณกลางราตรี

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

💡โคลงสี่สุภาพ รสพระธรรม💡


สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
รสพระธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง

@รสพระธรรมเลิศล้ำ     เหนือใด
รสอื่นกิเลสใจ                 บ่สิ้น
รสธรรมเปลี่ยนจิตใส      สะอาด
รสอื่นมอมจิตดิ้น             รุ่มร้อน เมามัว

พิรุณกลางราตรี

💡โคลงสี่สุภาพ โบราณสถาน💡



"โบราณสถาน"

ผ่านเวลานับร้อย         พันปี
สง่าเทียบคีรี                เปรียบได้
โบราณสถานศรี          ประเทศ
มากค่าคงคุณไซร้        สืบไว้ ในแผ่นดิน

หินอิฐประดิษฐ์สร้าง    โบราณ สถานเฮย
ย่อมมากค่าประมาณ   บ่ได้
คนด้อยค่าทำสาร-       ประโยชน์
มากค่าคงชื่อไซร้         ฝากไว้ ในแดนดิน   

พิรุณกลางราตรี

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

🎼ขลุ่ยบรรเลง เสียงขลุ่ยเรียกนาง🎼


💡โคลงสี่สุภาพ เครื่องปรุงรส💡



เครื่องปรุงรส

ปรุงหวานเค็มเผ็ดเปรี้ยว    แต่งเติม
ปรับรสชาติดั้งเดิม             อร่อยแท้
อันมนุษย์เพิ่มเสริม            ศักยภาพ
หมั่นปรับปรุงเปลี่ยนแก้     นั่นแล้ ยอดคน 

พิรุณกลางราตรี

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

💡โคลงสี่สุภาพ ดอกตำลึง💡


ดอกตำลึง

ตำลึงดอกห้ากลีบ                 แรกบาน
เหลืองแทรกขาวประสาน      แต่งแต้ม
ตรึงประทับดวงมาน              เรียมพี่
งามพิสุทธิ์แรกแย้ม               เปรียบคล้าย นวลละออ

พิรุณกลางราตรี

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562

🎼ขลุ่ยบรรเลง "เรียกพี่ได้ไหม"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "ฝากเพลงถึงเธอ"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "สายฝน"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "กระซิบสวาท"🎼


💡โคลงสี่สุภาพ "น้ำดอกไม้"💡



😊น้ำดอกไม้😊

มะม่วงน้ำดอกไม้        จากสวน
อร่ามสีทองชวน          รสลิ้ม
ชิมหวานนุ่มเนื้อหวน   ทานอีก
เลิศรสทานตาพริ้ม      ฉ่ำลิ้น  โอชา

พิรุณกลางราตรี
๕ มีนาคม ๒๕๖๒

🎼ขลุ่ยบรรเลง "ล่องเรือหารัก"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "เมดอินไทยแลนด์"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "ฝนเดือนหก"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "ใกล้รุ่ง"🎼


วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

📚นิทานชุด "นกน้อยเจ้าปัญญา ตอนที่ ๒"📚

นิทาน 🐥นกน้อยเจ้าปัญญา🐤

ตอนที่ ๒ 🐢เต่ากับกระต่าย🐇


🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤🐤

วันนี้อากาศสดใส นกน้อยมาหาเพื่อนรักกบน้อย ที่บึงน้ำ วันนี้ น้ำแข็งแนะนำให้รู้จัก เต่าน้อย ที่ชื่อ "ต่อ"

เต่าน้อย ร่าเริง และชอบหัวเราะเสียงดังทั้งสามเกลอสนทนาเรื่องราวระหว่างกันด้วยมิตรไมตรี และสนุกสนาน

ทันใดนั้นเอง ขณะที่เต่าน้อยกำลังพูด ก็มีเศษกิ่งไม้ ปลิวมากระทบที่หัว จนเต่าน้อยรีบหดหัวไปในกระดองด้วยความเจ็บและตกใจ พร้อมกับได้ยินเสียงว่า

"นั่นเจ้าเต่า!! ใช่ไหม เจ้าเต่าต้วมเตี้ยม เชื่องช้า เจ้ากำลังโม้อะไรอยู่"

นกน้อยและกบน้อยมองไปยังต้นเสียง พบว่าคือ กระต่ายสีเทา ท่าทางเกเร กำลังยิ้มเยาะเย้ยมองตอบมา

"ไง เป็นเพื่อนเจ้าเต่าเชื่องช้าหรือ ยายกบอ้วน และ แม่นกน้อยบอบบาง"

นกน้อยและกบน้อยไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย

ส่วนเต่าน้อยพอได้ยินเสียง จึงโผล่หัวออกมาจากกระดอง พร้อมพูดว่า

"มาดูถูกว่า ข้าเชื่องช้าหรือเจ้ากระต่าย
ยังไง พวกเจ้าตัวหนึ่ง ก็เคยแพ้ พวกข้ามาก่อนนี้นั่นแหละ"

กระต่ายรู้สึกไม่พอใจ

"เรื่องนั้น ก็มีแต่พวกเจ้าเต่าขี้โม้ พูดกันไป
พวกข้า กระต่ายที่ว่องไวปานลมพัด น่ะหรือ ที่จะแพ้พวกเจ้า เต่าต้วมเตี้ยมเชื่องช้า"

"ไม่รู้ล่ะ ใครๆก็พูดกันว่า พวกเจ้าเคยแพ้พวกข้าหนหนึ่ง หน้าไม่อาย มาพูดว่าข้าเชื่องช้า" เต่าน้อยที่ไม่ยอมใครง่ายๆ โต้ตอบ

กระต่ายโกรธแล้วตอนนี้ จึงท้าทายว่า
"ถ้าอย่างนั้นมาแข่งความความเร็วกันไหมล่ะ เจ้าเต่าโง่!!!"

เต่าน้อยก็รับคำท้าว่า
"ได้เลย เจ้ากระต่ายจองหอง อวดดี ถ้าแพ้อีกครั้งล่ะก็ อย่ามาที่บึงน้ำนี้อีกนะ"

"ได้เลย เจ้าเต่าต้วมเตี้ยม และถ้าเจ้าแพ้ ก็จงออกไปจากหนองน้ำนี้เสียนะ" กระต่ายโต้กลับ

"ได้เลย" เต่ารับคำท้า

กบน้อยตัวอ้วน ท่าทางใจไม่ดี จึงหันไปมองนกน้อย นกน้อยกรอกตารอบหนึ่ง แล้วจึงพูดว่า

"อย่างนี้ก็แล้วกันนะ ให้ตะวันบ่ายคล้อยใกล้เย็น แล้วค่อยมาแข่งขัน นี่ กระต่าย
เธอจงไปหาเพื่อนเธอ หรือสัตว์อื่น มาเป็นพยาน พอได้เวลาก็มาแข่งขัน"

กระต่ายรับคำ แล้วกระโจนเข้าพุ่มไม้ข้างบึงใหญ่ หายลับตาไปอย่างรวดเร็ว!!!

กบน้อย หันมาทางเต่าน้อย และพูดอย่างวิตกกังวลว่า

"นี่ นายต่อ เธอมั่นใจหรือว่า เธอจะชนะได้
เห็นท่ากระโจนของกระต่ายตัวนั้นแล้ว
เขาเร็วกว่าฉันอีก ส่วนเธอน่ะ ยังช้ากว่าฉันมากมายนัก"

"ไม่มั่นใจหรอก ยายตัวอ้วน ฉันว่าฉันแพ้แน่ๆ" เต่าน้อยทำตาละห้อยตอบมา

"อ้าว.. แล้วเธอไปรับคำท้าทำไม ถ้าเธอแพ้  เธอก็ต้องไปจากบึงน้ำนี้นะ แล้วพวกฉันก็จะไม่เจอเธออีก"

กบน้อยกลัวสูญเสียเพื่อน วิตกจนเกือบจะร้องไห้

นกน้อยทำท่าครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า
"ไม่แน่หรอกว่าจะต้องแพ้นะ ต่อ น้ำแข็ง"

"จริงหรือเพียงออ"
เพื่อนทั้งสองของนกน้อย พูดออกมาอย่างมีความหวังพร้อมกัน

"เราจะทำแบบนี้กันนะ"
แล้วเพื่อนต่างสายพันธุ์ทั้งสอง ก็ฟังนกน้อยอธิบายแผนการ

🕘🕤🕙🕥🕚🕦🕛🕧🕐🕜🕑🕝🕒🕞🕓🕟🕔

บ่ายคล้อย
ได้เวลาแข่งขัน!!!

กระต่ายจอมโอหัง พาพยานมาด้วย เป็นเป็ดสีน้ำตาลอ่อน ไก่แจ้หางแดง ห่านสีขาวคอยาว กระรอกหางพวง และกิ้งก่าตัวเขียวมีหนามปุ่มบนตัว

ส่วนเต่าน้อย มีพี่ปลาช่อน น้าปลาหมอ
พี่ปูก้ามแดง กบน้อย และนกน้อย เป็นพยาน

"แล้วจะแข่งกันอย่างไร"
กระต่ายถามด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ

นกน้อย จึงบินออกไปกลางเวหา แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสดใสน่ารักว่า

"สวัสดีจ้ะ พยานทุกท่าน วันนี้เราจะมาตัดสินกันว่า ระหว่าง กระต่าย กับ เต่า ผู้ใดจะมีความเร็วกว่ากัน และในการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อความเหมาะสม เราจะใช้กติกาดังนี้"

นกน้อยหยุดพูดชั่วครู่ กวาดตามองไปที่พยานทั้งหมด แล้วพูดต่อว่า

"กระต่าย จะแข่งขันโดยวิ่งบนบก ส่วน เต่าจะแข่งขันโดยการว่ายหรือดำน้ำไป โดยจุดเริ่มต้น ของกระต่าย จะอยู่ที่โคนต้นหางนกยูงตรงนี้ ส่วนเต่าจะอยู่ที่ตอไม้กลางน้ำที่มีระยะเดียวกับต้นหางนกยูง"

นกน้อยหยุดชั่วครู่ ให้เหล่าพยานซึมซับข้อความแล้วพูดต่อว่า

"ให้กระต่าย ไปอยู่ที่โคนต้นหางนกยูงนี้เลย ส่วนเต่าขณะนี้ ได้อยู่ที่ตอไม้กลางน้ำแล้ว"

นกน้อยกรอกตา แล้วหันไปทางตอไม้กลางบึงร้องเรียกเสียงใส

"ยู้ฮู!!! เต่าน้อย เธออยู่จุดเริ่มต้นหรือยัง"

ที่ตอไม้กลางบึง ก็ปรากฎเต่าตัวหนึ่งลอยตัวขึ้นมา โผล่หัวขึ้นมารับคำเรียก

นกน้อยกระพริบตา พูดต่อว่า

"จุดหมายปลายทางหรือหลักชัยของกระต่าย ก็คือ โคนต้นตะแบก ที่อยู่เลยโค้งของบึงตรงโน้น ที่ทุกท่านเห็นอยู่ ตรงนั้นจะมีตอไม้ที่ระยะเดียวกันกลางบึงน้ำด้วย ตอไม้นั้นเป็นหลักชัยของเต่าน้อย"

"ผู้ใด ถึงหลักชัยที่ระบุไว้ก่อนกัน ผู้นั้นชนะ คือ ถ้ากระต่ายถึงโคนต้นตะแบก ก่อนเต่าถึงตอไม้กลางน้ำปลายทาง กระต่ายก็ชนะ แต่ถ้าเต่าถึงก่อน เต่าชนะ"

เมื่อเห็นว่า เหล่าพยานและผู้แข่งขันเข้าใจดีแล้ว นกน้อยจึงพูดต่อ

"เส้นทางน้ำของเต่า จะมีกอไม้ตามระยะ ๕ จุดให้ถือเป็นจุดสังเกตุ สำหรับการว่ายน้ำของเต่า เพื่อใช้เป็นทิศทางสำหรับเคลื่อนตัวไปยังหลักชัยปลายทางได้"

นกน้อยอธิบายต่อ

"ส่วนของกระต่าย ก็วิ่งไปตามเส้นทางบนบก ขนานไปกับกอไม้ที่เป็นจุดสังเกตุทั้ง ๕ จุดนั้น"

"ทุกท่านเข้าใจตรงกันนะจ๊ะ ใครมีข้อสงสัยหรือไม่จ๊ะ" นกน้อยถาม

ไม่มีใครมีข้อสงสัย และทุกคนได้ตกลงกันว่า ไก่แจ้หางแดง และพี่ปลาช่อน จะอยู่ตรงจุดเริ่มต้นปล่อยตัว ห่านสีขาวคอยาวและพี่ปูก้ามแดง จะอยู่ที่หลักชัยปลายทาง

ส่วนพยานตัวอื่นๆ ก็กระจายไปตามจุดต่างๆ ตามที่เห็นสมควร

ส่วนนกน้อย จะบินสังเกตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงหลักชัย

การแข่งขันจะเริ่มขึ้น โดยพี่ปลาช่อนจะใช้หางสะบัดหรือตีน้ำให้เกิดเสียงดัง

เริ่มการแข่งขัน!!!

พี่ปลาช่อน ลืมตาใสแจ๋ว ทำปากห่อ แล้วสะบัดหางตีน้ำด้วยลีลาระบำใต้น้ำ จนเกิดเสียงดัง

ตูม!!!

กระต่ายกระโจนออกวิ่งอย่างเร็วรี่ปานลมพัดด้วยความมั่นใจ

กระต่ายวิ่งไป ตาก็มองไปที่เป้าหมายที่เป็นกอไม้ จุดสังเกตุที่ ๑

ใกล้เข้าไปแล้ว กระต่ายวิ่งไปยิ้มไปอย่างมั่นใจ

ทันใดนั้นเอง ก่อนจะผ่านจุดสังเกตุที่ ๑
กระต่ายก็เห็นกระดองและหัวเต่าโผล่พ้นน้ำที่กอไม้
และก่อนที่เต่าจะวิ่งไปถึง เต่าก็ดำน้ำหายไปแล้ว

กระต่ายรู้สึกตกใจ รีบเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วขึ้นอีก ตาก็จ้องไปที่จุดสังเกตุจุดที่ ๒

และเหมือนจุดที่ ๑  ก่อนที่กระต่ายจะไปถึงจุดที่ ๒ ก็เห็นเต่าโผล่หัวและกระดองมาที่กอไม้จุดที่ ๒ แล้ว และดำน้ำหายไปก่อนที่กระต่ายจะวิ่งไปถึงจุดสังเกตุ

กระต่ายตกใจหนักขึ้น และรู้ตัวว่าเป็นรอง
เลยเร่งฝีเท้าสุดชีวิต

และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเหมือนเดิม ก่อนที่กระต่ายจะไปถึงจุดสังเกตุแต่ละจุดที่เหลือ จะเห็นเต่าดำน้ำไปถึงก่อนแล้ว

ช่วงสุดท้าย หลักชัยอยู่ที่โคนต้นตะแบก กระต่ายวิ่งสุดแรงจนลิ้นห้อย แต่ก็พบว่า เต่าได้ไปถึงหลักชัยของตนเองก่อนแล้ว

พี่ปูก้ามแดง ชูก้าม ร้องออกมาว่า
"เต่าถึงเส้นชัยก่อน เต่าชนะ"

ห่านสีขาว คอยาวก็ต้องจำใจขานตามว่า
"เต่าชนะ" ไปด้วยอีกตัว

กระต่ายรู้สึกอับอาย ท่าทางหงอย
มองไปที่เต่าน้อยแวบหนึ่ง แล้วรีบกระโจนหนีหายไปก่อนที่เต่าน้อยจะทันได้พูดอะไร

นกน้อยจึงได้ประกาศให้ได้ยินทั่วกันว่า

"ท่านทั้งหลาย บัดนี้การแข่งขันได้เสร็จสิ้นแล้ว ผลปรากฎว่า เต่ามีความเร็วมากกว่ากระต่าย และเต่าเป็นผู้ชนะ ต่อไปนี้กระต่ายไม่สามารถเที่ยวไปพูดว่า เต่าเชื่องช้ากว่าตนเองได้อีก ขอให้ทุกท่านได้รับทราบผลการแข่งขันครั้งนี้จ้ะ"

หลังจากนั้น เหล่าพยานต่างก็แยกย้ายกันไป เหลือแต่สามสหาย ที่ต่างก็มองหน้ากัน แล้วก็หัวเราะไปพร้อมกัน

เต่าน้อยได้พูดขึ้นว่า

"เพียงออ เธอช่างฉลาดเสียจริง ถ้าไม่ได้เธอ เราคงพ่ายแพ้ และต้องออกไปจากบึงน้ำนี้แล้ว"

นกน้อยตอบว่า

"ไม่เป็นไรหรอกต่อ เพื่อนกันก็ต้องช่วยกัน แต่ชัยชนะครั้งนี้ ขอให้เก็บเป็นความลับระหว่างพวกเรานะ แล้วก็ฝากขอบใจไปถึงพี่ๆน้องๆของเธอด้วยนะ "ต่อ" ถ้าไม่ได้พวกเขา เราก็ไม่สามารถชนะได้หรอก"

"จ้ะ ขอบใจนะเพียงออ" เต่าน้อยพูด

"นี่ก็เย็นมากแล้ว เราจะต้องกลับบ้านเราแล้วหล่ะ ป่านนี้แม่เราคงกำลังจะกลับไปบ้านแล้วเช่นกัน ไม่อยากให้แม่รอ แล้วเจอกันใหม่นะ น้ำแข็ง ต่อ"

"แล้วเจอกันจ๊ะ เพียงออ บ๊าย บาย"
เพื่อนทั้งสองของนกน้อยพูดพร้อมกัน

เมื่อนกน้อยมาถึงรังบนต้นไม้ใหญ่ ก็พบว่าแม่นกกลับมาถึงก่อนแล้ว

นกน้อยได้เล่าเรื่องราวการแข่งขันในวันนี้ให้แม่นกฟัง

แม่นกถามอย่างสงสัยว่า

"น้อง แม่สงสัยนะ แม้เต่าจะดำน้ำได้เร็วกว่าคลานบนบก แต่ก็ไม่น่าเร็วกว่ากระต่ายนะลูก"

"ไม่เร็วกว่าหรอก..หม่าม้า"

"อ้าว..แล้วเต่าน้อยเพื่อนน้อง ชนะได้อย่างไรล่ะ"

นกน้อยจึงเฉลยว่า

"ต่อ" ที่เป็นเต่าน่ะ มีพี่ๆน้องๆวัยใกล้เคียงและขนาดใกล้เคียงกันอยู่ ๖ ตัว รวม "ต่อ" ด้วย ก็เป็น ๗ ตัว!!!

นกน้อยก็ให้ ๕ ตัวแยกไปแอบซ่อนตัวอยู่ที่จุดสังเกตุทั้ง ๕ จุด

ให้พี่ของ "ต่อ" ตัวหนึ่ง ไปอยู่ที่ตอไม้จุดเริ่มต้น  แล้วให้ "ต่อ" ไปแอบอยู่ที่ตอไม้ที่เป็นหลักชัย

พอเริ่มแข่งขัน กระต่ายออกวิ่ง นกน้อยก็บินตามไปด้วย นกน้อยย่อมบินได้เร็วกว่ากระต่ายวิ่ง เมื่อนกน้อยบินผ่านไปถึงจุดสังเกตุแต่ละจุด เต่าแต่ละตัวก็จะโผล่แสดงตัวออกมา ทำให้เห็นเหมือนว่า เต่าดำน้ำได้เร็วกว่ากระต่ายวิ่ง

พอนกน้อยบินนำไปถึงหลักชัย ต่อที่แอบอยู่ที่ตอไม้หลักชัยก่อนแล้ว ก็แสดงตัวออกมา

แม่นก หายข้องใจ แต่ไม่วายจะถามขึ้นว่า

"อย่างนี้ ไม่ถือว่าโกงหรือลูก"

"น้อง อยากให้หม่าม้า เรียกว่า ชนะด้วยปัญญามากกว่าจ้ะ"

นกน้อยพูดต่อ

"ก็ กระต่ายตัวนั้นน่ะ หม่าม้า โอหัง อวดดี เกเร และชอบดูถูกผู้อื่น ต้องโดนแบบนี้แหละจะได้รู้สึก"

และถ้า หม่าม้า เห็นตอนกระต่ายหน้าเสียและอับอายที่ตนเอง พ่ายแพ้ให้แก่ผู้ที่ตนเองดูถูก แม่จะรู้สึก อืม.. รู้สึกดีทีเดียว"

นกน้อยพูดพร้อมทำท่าทางน่ารัก
จนแม่นก อดจะหัวเราะเบาๆไม่ได้

ในขณะเดียวกัน แม่นกได้ตระหนักแล้วว่า
ตนเองมีลูกที่ชาญฉลาดและมีไหวพริบ พร้อมที่ตอบโต้กับใครก็ตามที่มาคุกคาม
หรือสั่งสอนให้ผู้อื่นที่คิดหรือทำไม่ดีได้รับบทเรียน ในใจแม้จะชื่นชม แต่แม่นก ก็ต้องเตือนตัวเองว่า จะต้องเลี้ยงลูกที่มีความชาญฉลาดนี้ ให้มีคุณธรรม และรู้จักการให้อภัยด้วย

ในค่ำคืนนั้น แม่นกพาลูกน้อยเข้านอนเพื่อรับไออุ่นซึ่งกันและกันภายในรังนอน บนต้นไม่ใหญ่ ณ ชายป่าแห่งนั้น อย่างมีความสุข

🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥🐥

พิรุณกลางราตรี
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

📙กลอนแปด "ตำนานพรานกระต่าย"📙


ตำนาน "พรานกระต่าย"

พรานกระต่ายมีตำนานกล่าวขานมา
รจนานามมาแต่ครั้งก่อน
สุโขทัยราชธานีทิศอุดร
จักเดือดร้อนขึ้นได้เพราะไพรี

จึ่งพระร่วงให้สำรวจตรวจทางผ่าน
ทำการบ้านวางแผนรุกถอยหนี
ชากังราวเมืองลูกหลวงราชธานี
ทิศทางนี้สำคัญหนอต่อกรุงไกร

ส่งพรานป่ามุ่งหน้าบุกป่าดง
เส้นทางตรงชากังราวสู่กรุงใหญ่
มาถึงเลยกึ่งทางดงตรงถ้ำไพร
แสงอุทัยย่ำค่ำลงตรงเพลา

จึ่งปักหลักพักผ่อนนอนหนึ่งคืน
รุ่งจักตื่นฝ่าดงไพรไปต่อหนา
ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องพนา
ตรงข้างหน้าอยู่ไม่ไกลสายตาพราน

กระต่ายป่าสีทองผ่องอำไพ
พงหญ้าใหญ่งามตาหาอาหาร
ให้หลงใหลในดวงจิตคิดต้องการ
ถวายท่านเจ้ากรุงไกรให้ได้ยล

สารพัดหลายแบบอย่างหาทางจับ
โชคพรานอับกระต่ายทองมาล่องหน
พรานหมายมั่นขยันดูเฝ้าสู้ทน
อยู่มาจนหลายทิวาราตรีกาล

สร้างเรือนอยู่ใกล้ถ้ำทุกค่ำเช้า
ตั้งตาเฝ้ากระต่ายทองอย่างอาจหาญ
จับไม่ได้ไม่เห็นตัวหัวอกพราน
ไม่กลับบ้านคอยเฝ้าดูอยู่เรื่อยมา

ข่าวพรานใหญ่กระต่ายทองผ่องอำพัน
เลื่องลือลั่นบรรดาลคนทั่วทิศา
อพยพบ้านเรือนสร้างอย่างหนาตา
กาลเวลาเกิดชุมชนจนเป็นเมือง

ขนานนาม"พรานกระต่าย"หมายตามนั้น
บ้านของฉันงดงามนามกระเดื่อง
สัญลักษณ์กระต่ายทองผ่องรองเรือง
สมเป็นเมืองเลื่องแผ่นดินถิ่นแดนไทย

พิรุณกลางราตรี

🎼ขลุ่ยบรรเลง "คนเก็บฟืน"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "เดือนเพ็ญ"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "หากรู้สักนิด"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "คิดถึงพี่ไหม"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "น้ำตาแสงไต้"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "เสน่หา"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "จันทร์กระจ่างฟ้า"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "บุพเพสันนิวาส"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "เรือนแพ"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "สายโลหิต"🎼


🎼ขลุ่ยบรรเลง "วอนลมฝากรัก"🎼


💡โคลงสี่สุภาพ "ยามเย็น"💡


โคลงสี่สุภาพ
"ยามเย็น"

อาทิตย์ยามตกน้ำ    กลางชล
ชื่นกมลยามยล        แวดล้อม
ยามเย็นตะวันดล     ใจจ่อม
ทิวทัศน์เสน่ห์ย้อม    จิตให้ ลุ่มหลง

พิรุณกลางราตรี
๔ มีนาคม ๒๕๖๒

📚นิทานชุด "นกน้อยเจ้าปัญญา ตอนที่ ๑"📚


นิทานชุด "🐥นกน้อยเจ้าปัญญา🐤"

ตอนที่ ๑ "🐸กบน้อยเพื่อนเกลอ🐸"

🌳ณ ชายป่า บนต้นไม้ใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้อย นกน้อยที่มีขนสดสวย งดงาม เป็นประกายใต้แสงอาทิตย์ นกน้อยเริ่มหัดบินเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และบัดนี้ เธอสามารถบินได้อย่างแข็งแรง บินได้ระยะไกลขึ้น บินอย่างอิสระเสรีใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

วันนี้ วันที่ท้องฟ้าสดใส ปุยเมฆขาวลอยละล่อง นกน้อยได้บินออกจากรัง เธอนึกถึงเพื่อนของเธอ ที่บึงน้ำแห่งหนึ่งค่อนข้างห่างไกลจากต้นไม้ใหญ่ที่เธออยู่
ท่ามกลางแสงแดดอ่อน และสายลมพัดโชย เธอได้บินมาถึงบึงน้ำ เกาะบนกิ่งไม้ริมบึง เธอเริ่มร้องเพลงอันไพเราะหาเพื่อนของเธอ

🎼"น้ำแข็ง" จ๋าเธออยู่ไหน
โปรดจงได้มาเล่นกัน
บึงน้ำนี้เธอและฉัน
ร่วมแบ่งปันมิตรไมตรี🎼

ทันใดนั้น มีกบน้อย ตัวอ้วนกลมตัวหนึ่ง
ค่อยๆโผล่ตัวพ้นจากน้ำ ส่งเสียงร้อง อ๊บๆ

พอเห็นนกน้อยที่ส่งเสียงเพลงร้องเรียกหา เจ้ากบตัวอ้วนที่ชื่อ "น้ำแข็ง" ก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนใบบัว ยิ้มอย่างร่าเริง พร้อมกับตอบรับขับขานเป็นบทเพลงในท่วงทำนองภาษากบว่า

🎶 อ๊บ อ๊บ อ๊บ
"เพียงออ" เรามาแล้วจ้า
ไม่รอช้าอยากพบเธอ
เมื่อวานก่อนฉันรอเก้อ
ไม่ได้เจอเธอสองวัน🎶

หลังจากทักทายกันตามปะสาเพื่อนต่างสายพันธุ์กันได้สักครู่ นกน้อย "เพียงออ" กับ เจ้ากบตัวกลม "น้ำแข็ง" ก็ตกลงใจที่จะเล่น "ซ่อนแอบ" กันบริเวณบึงน้ำแห่งนั้น

"เราจะนับหนึ่งถึงสิบนะ น้ำแข็ง"
นกน้อยหลับตาพร้อมกับส่งเสียงบอกเพื่อน

"ไม่เอา นับหนึ่งถึงยี่สิบ"
กบน้อยส่งเสียงทักท้วงมา

"ก็ได้  เอานะ หนึ่ง สอง สาม..."

นกน้อยส่งเสียงนับ ส่วนกบน้อยตัวกลม
ก็กระโดดจ๋อมลงน้ำ ดำผุดดำว่าย ไปซ่อนตัวที่ใต้ใบบัวอีกใบหนึ่ง ไม่ไกลจากที่เดิมนัก โผล่หัวออกมาเล็กน้อย ตาใสจับจ้องไปที่นกน้อย

"ยี่สิบ... เอาละนะ"
นกน้อยนับเสร็จ ก็บินออกตามหาเพื่อนกบน้อยของเธอ

"อยู่ไหนน้า!!!" เสียงนกน้อยร้องหา
"อ๊บ อ๊บ" กบน้อย ส่งเสียงหลอกล่อ แล้วดำลงไปใต้น้ำไปที่ใต้ใบบัว

ส่วนเจ้านกน้อย ได้ยินเสียงแต่หาตัวเพื่อนไม่เจอ ก็บินไปเกาะกิ่งไม้บนที่สูง
แล้วก็หลบเงียบๆอยู่บนนั้น ตาก็จ้องสังเกตุไปที่บึงน้ำ

ส่วนกบน้อยตัวกลม ที่หลบอยู่ใต้ใบบัว
ตาก็แอบมองออกไป แต่ไม่เห็นนกน้อยเสียแล้ว ครั้นคอยฟังเสียงนกน้อย ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร จึงเผลอโผล่ตัวออกมาจากใต้ใบบัว

ทันใดนั้น นกน้อยก็บินออกจากกิ่งไม้ ก็ส่งเสียงทักลั่น

"นั่น!!! เราหาเธอเจอแล้ว "น้ำแข็ง" อยู่นี่เอง"

เจ้ากบน้อย ตกใจ หงายท้อง เท้าชี้ฟ้า
แล้วเพื่อนรักทั้งคู่ ก็หัวเราะชอบใจไปด้วยกัน

"มาเล่นอย่างอื่นกันดีกว่า น้ำแข็ง

"เล่นอะไรดีล่ะ เพียงออ"

"น้ำแข็ง เรามาแข่งกัน ใครไปถึงกอบัวตรงโน้นก่อนชนะ"

"ได้เลยเพียงออ เอานะ หนึ่ง สอง สาม"

ว่าแล้ว เจ้ากบตัวกลม ก็ว่าน้ำอย่างเร็ว ไปยังกอบัวตรงริมตลิ่ง ในขณะที่นกน้อย ก็กระโดด โดยไม่ใช้ปีกช่วยในการบิน ไปตามใบบัวทีละใบ

นั่นเป็นกติกาที่ทั้งสองเกลอ ตั้งกันไว้ในการละเล่นแต่ละครั้ง

ในทันใดนั้นเอง ก่อนที่กบน้อยตัวกลมจะไปถึงดอกบัวที่เป็นจุดหมาย ก็ปรากฎเงาทะมึนบดบังท้องฟ้า นกกระสาสีขาวตัวหนึ่งได้กางปีกและโฉบลงมาที่ริมตลิ่ง หมายจะจับเจ้ากบน้อยเป็นอาหาร

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางความตระหนกของกบน้อย เจ้านกน้อยก็กางปีก เข้ามาปกป้องเพื่อนรักอย่างไม่เกรงกลัว

"กระสา ท่านจะทำอะไร?" นกน้อยถาม

"ข้าก็จะจับ เจ้ากบตัวนี้เป็นอาหารนะสิ"

"เราให้ท่าน ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก นั่นเป็นเพื่อนของเรา"

"เจ้านกน้อย เจ้ากล้าหาญมาก แต่เจ้าตัวเล็กแค่นี้ จะมีอะไรมาหยุดข้าได้เล่า"

"กระสา ท่านแน่ใจหรือว่าในบึงน้ำแห่งนี้ ท่านตัวใหญ่ที่สุด?"

" แน่นอนสิ เจ้านกน้อย ข้ายังไม่เห็นว่าจะมีใครตัวใหญ่กว่าข้าเลย บริเวณบึงน้ำนี้"

"แล้วท่านจะได้เห็น กระสา!!! มาเถอะ
ท่านมาพบเพื่อนเรา"

แล้วนกน้อย ก็บินนำนกกระสาใหญ่
มายังบริเวณต้นตับเต่า กลางกลุ่มต้นตับเต่า จะมีบริเวณว่างเป็นวงกลม น้ำในที่นั้นจะใสราวกับกระจก แล้วร้องท้าทาย กระสาว่า

"กระสา ท่านจงไปเกาะบนตอไม้ที่เห็นอยู่นั้น แล้วมองลงไปเถิด ท่านจะเห็นเพื่อนของเราที่ตัวใหญ่กว่าท่านรออยู่ เกรงแต่ท่านจะเห็นแล้วตกใจเท่านั้น"

กระสา รู้สึกไม่พอใจ จึงโผบินไปจับตอไม้นั้นแล้วมองลงไป ทันใดนั้น กระสาก็เห็นนกที่ใหญ่กว่าตนเอง มองจ้องมา กระสารู้สึกตกใจและโกรธ จึงกางปีก ทำท่าทางดุร้าย

แต่กระสาก็ต้องตกใจหนักขึ้น เมื่อพบว่า
วิหคใต้ท้องน้ำ ก็กางปีกที่ดูใหญ่โตกว่ามัน และทำทางคล้ายจะเข้ามาทำร้ายมัน

กระสาจึงร้องเสียงแหลมเล็ก และโผบินขึ้นจากบึงน้ำนั้นอย่างตระหนก

นกน้อยได้ที จึงร้องบอกไล่หลังไปว่า

"เห็นไหมล่ะ กระสา เราเตือนท่านแล้ว
อย่าลืมนะ ที่บึงนี้ เรามีเพื่อนที่ตัวใหญ่ แข็งแรง และดุร้ายกว่าท่าน ท่านอย่ามาที่นี่อีกหล่ะ ไม่งั้นเราจะบอกให้เพื่อนเราไล่จิกท่านทันที"

กระสาไม่ตอบ แต่กลับบินหนีลับตาไปอย่างรวดเร็ว

นกน้อย รีบบินกลับมาหา เจ้ากบน้อยตัวอ้วน ซึ่งบัดนี้ หายตกใจแล้ว และได้กล่าวกับนกน้อยว่า

"เพียงออ เราขอบใจเธอมากเลยนะ ถ้าไม่ได้เธอ เราคงเป็นอาหารของกระสาไปแล้ว"

"ไม่เป็นไร น้ำแข็ง เพื่อนกันก็ต้องดูแลกันสิ"

"อย่างไร เราก็ต้องขอบใจเธอนะ เพียงออ"

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้เล่นกันตามประสาเพื่อน จนกระถึงตอนเย็นใกล้ค่ำ นกน้อยจึงเอ่ยขึ้นว่า

"น้ำแข็ง เราต้องกลับบ้านแล้วหล่ะ ป่านนี้ แม่ของเราคงกลับมาแล้ว"

"จ้ะ เพียงออ เราก็จะกลับไปหาแม่ของเราเช่นกัน พรุ่งอย่าลืม มาเล่นกันอีกนะ"

"จ้ะ น้ำแข็ง บ๊าย บาย"
แล้วเพื่อนรักต่างสายพันธุ์ ก็แยกย้ายกัน

นกน้อยบินกลับมาที่รัง บนต้นไม้ใหญ่
แม่นกที่มาถึงก่อนแล้ว และกำลังรอคอยอยู่ ได้ถามว่า

"วันนี้ ไปไหนมาล่ะลูก"

"น้อง (นกน้อย เพียงออ จะแทนตัวเองว่า "น้อง" เวลาคุยกับแม่) ไปเล่นกับน้ำแข็งที่บึงน้ำมาค่ะแม่"

"แล้วน้องสนุกไหม ลูก"

"สนุกค่ะแม่ แต่มีเรื่องให้ตกใจนิดหน่อยค่ะ"

แล้วนกน้อยก็เล่า เรื่องนกกระสาตัวใหญ่ให้แม่นกฟัง

แม่นก จึงชมเชยลูกนกไปว่า

"แม่ภูมิใจ ในตัวน้องมากจ้ะ ที่กล้าหาญ และมีไหวพริบ พร้อมกับมีน้ำใจปกป้องเพื่อน"

"ขอบคุณค่ะแม่"
นกน้อบตอบรับด้วยความสุขใจที่ได้รับคำชมเชยจากแม่

ใต้แสงจันทราและหมู่ดาว ที่ส่องกระจ่างมาที่ต้นไม้ใหญ่และรอบๆบริเวณนั้น แลท่ามกลางเสียงหรีดหริ่งเรไร อันเป็นเสมือนบทเพลงธรรมชาติอันไพเราะของชายป่าแห่งนั้น นกน้อยได้นอนหลับในรังนอน รับไออุ่นจากแม่ที่นอนอยู่ข้างๆอย่างมีความสุข

♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️

พิรุณกลางราตรี
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2562

💡โคลงสี่สุภาพ "รักษ์ภาษาไทย"💡

"รักษ์ภาษาไทย"

๑. ภาษาไทยรักษ์ไว้         เนิ่นนาน
มรดกสืบสาน                    ชาติเชื้อ
เขียนอ่านพจนทาน           ถ่องถูก หลักเฮย
รู้รักษ์เรียนถึงเนื้อ             แก่นแท้ อักษรฯ

๒. อักษรประดิษฐ์ถ้วน      ครบครัน
สระพยัญชนะปัน              ครบถ้อย
วรรณยุกต์สื่อผัน              ระดับ เสียงนอ  
ประโยคเรียบเรียงร้อย     ผูกด้วย ไวยากรณ์

๓. ไวยากรณ์ใช้ถูก           หลักการ
ตามวิธีท่านจาร                 ก่อนไว้
อันประโยชน์สื่อสาร          ตามเจต
เขียนอ่านถูกต้องไซร้        จึ่งได้ รสความฯ

๔. รสความเลิศรสด้วย      ภูมิปัญญา
โคลงกาพย์กลอนรจนา     ครบถ้วน
งามศิลป์ศาสตร์ภาษา       ไทยถิ่น
เสนาะเสน่ห์ล้วน                บ่งชี้ วัฒนธรรมฯ

พิรุณกลางราตรี
๓ มีนาคม ๒๕๖๒